วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ลักษณะงานตามหน้าที่ขององค์กรแต่ละฝ่าย

ลักษณะงานตามหน้าที่ขององค์กรแต่ละฝ่ายดังนี้

1. ฝ่ายบัญชี 
มีหน้าที่รับผิดชอบในการตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของการบันทึกรายการ การจัดทำรายงานทางการเงินและบัญชี และการจัดเก็บเอกสารทางบัญชี

2. ฝ่ายการตลาด
เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาแคมเปญ เพื่อโปรโมทสินค้า และบริการให้เป็นที่รู้จัก เป็นที่ทราบกันดีว่า งานการตลาดนั้น มีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง เพราะฉะนั้นคนที่ทำงานด้านนี้ ต้องมีไหวพริบ และติดตามสถานการณ์อยู่เสมอ จึงจะสามารถก้าวนำคู่แข่งไปได้
3. ฝ่ายการผลิต
เป็นกระบวนการแปรรูปทรัพยากรการผลิต เช่น วัตถุดิบ แรงงาน และ พลังงาน ให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่พร้อมในการจัดจำหน่ายแก่ลูกค้า โดยผู้ผลิตต้องพยากรณ์ปริมาณของผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า โดยไม่ให้มีจำนวนมากหรือน้อยจนเกินไป ตลอดจนควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์เป็นที่ต้องการของลูกค้า โดยมีต้นทุนการผลิตที่เหมาะสม ปัจจุบันการขยายตัวของธุรกิจจากการผลิตเข้าสู่สังคมบริการ ทำให้มีการประยุกต์หลักการของการจัดการผลิตกับงานด้านบริการ ซึ่งเราจะเรียกการผลิตในหน่วยบริการว่า การดำเนินงาน (operations)”โดยที่แหล่งข้อมูลในการผลิตและการดำเนินงานขององค์การมีดังต่อไปนี้
1. ข้อมูลการผลิต/การดำเนินงาน (production/operations data) เป็นข้อมูลจากกระบวนการผลิตหรือการให้บริการ ซึ่งจะแสดงภาพปัจจุบันของระบบการผลิตของธุรกิจว่ามีประสทธิภาพมากน้อยเพียงใด และมีปัญหาอย่างไรในการดำเนินงาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนในการแก้ปัญหาและการพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานในอนาคต
2. ข้อมูลสินค้าคงคลัง (inventory data) บันทึกปริมาณวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปที่เก็บไว้ในโกดัง โดยผู้จัดการต้องพยายามจัดให้มีสินค้าคงคลังในปริมาณไม่เกินความจำเป็นหรือขาดแคลนเมื่อเกิดความต้องการขึ้น
3. ข้อมูลจากผู้ขายวัตถุดิบ (supplier data) เป็นข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณ คุณสมบัติ และราคาวัตถุดิบ ตลอดจนช่วงทางและต้นทุนในการลำเลียงวัตถุดิบ ปัจจุบันการพัฒนาระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (electronic data interchange) หรือที่เรียกว่า EDI ช่วยให้การประสานงานระหว่างผู้ขายวัตถุดิบ ธุรกิจ และลูกค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น
4. ข้อมูลแรงงานและบุคลากร (labor force and personnel data) ข้อมูลเกี่ยวกับพนักงานในสายการผลิตและปฏิบัติการ เช่น อายุ การศึกษา และประสบการณ์ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการจัดบุคลากรให้สอดคล้องกับงาน ขณะที่ข้อมูลภายนอกเกี่ยวกับตลาดแรงงานจะเป็นประโยชน์ในการวางแผนและจัดหาแรงงานทดแทน และการกำหนดอัตราค่าจ้างอย่างเหมาะสม
5. กลยุทธ์องค์การ (corporate strategy) แผนกลยุทธ์ขององค์การจะเป็นแม่บทและแนวทางในการกำหนดกลยุทธ์การผลิตแลการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพ
4. ฝ่ายทรัพยากรบุคคล
มีหน้าที่ในการจัดการ ดูแล งานด้านการบริหารงานบุคคลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรับสมัครงานการคัดเลือกบุคลากรเข้ามาทำงานการดูแลเกี่ยวกับการปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายแรงงานการลงโทษพนักงานการดูแลสวัสดิการและความเป็นอยู๋ของพนักงานภายในองค์กร เป็นต้น
5. ฝ่ายวิจัย
มีหน้าที่รับผิดชอบในการผลิตงานวิจัยเชิงนโยบาย เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ในด้านพัฒนาการต่าง ๆ ของตลาดทุนไทย รวมถึงโอกาสและปัจจัยเสี่ยงที่กระทบต่อตลาดทุนทั้งในและต่างประเทศที่อาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่
6. หัวหน้างาน
หัวหน้างานคุณภาพต้องพัฒนาทักษะเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นธรรมชาติของตัวเอง
         
           การกำหนดเป้าหมาย (Goal)
          การวางแผนการทำงาน (PDCA)
          การสื่อสารให้ทีมงาน (Communication)
          การสั่งงานและมองหมายงาน (Delegation)
          การรู้จักแก้ไขปัญหา (Problem Solving)
          การกล้าตัดสินใจ (Decision Making)
          “การลงมือทำถ้าไม่สำเร็จก็จะได้รับประสบการณ์ที่ดี
7. ผู้บริหารระดับกลาง
รับนโยบายจากผู้บริหารระดับสูงมาวางแผน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ จะใช้การตัดสินใจในระดับยุทธวิธี (Practical planning )

8. ผู้บริหารระดับสูง

ดูแลกำหนดทิศทางขององค์กร ด้านวิสัยทัศน์ นโยบาย เป็นการวางแผนในระยะยาว จะใช้การตัดสินใจในระดับกลยุทธ์ (Strategic planning )